ตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทย

ตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทย

ตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การนำเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ ได้ผลักดันความต้องการพื้นที่โกดังให้เช่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ลักษณะของตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทย

1. ประเภทของโกดังให้เช่า:

   • โกดังทั่วไป (Standard Warehouse): เป็นโกดังที่ใช้สำหรับการจัดเก็บสินค้า มีการควบคุมอุณหภูมิปกติ ใช้เก็บสินค้าทั่วไป เช่น วัตถุดิบ สินค้าสำเร็จรูป หรือชิ้นส่วนต่างๆ
   • โกดังควบคุมอุณหภูมิ (Temperature-Controlled Warehouse): เป็นโกดังที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ เหมาะสำหรับเก็บสินค้าที่ต้องการอุณหภูมิเฉพาะ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยา และสินค้าเกษตร
   • โกดังโลจิสติกส์ (Logistics Warehouse): โกดังที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ เช่น การจัดเก็บและการขนส่งสินค้าในปริมาณมาก โดยมีพื้นที่สำหรับการจัดเรียงและกระจายสินค้า

2. ทำเลที่ตั้ง:

   • กรุงเทพฯ และปริมณฑล: ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการเช่าโกดัง เนื่องจากอยู่ใกล้กับศูนย์กลางการค้าขาย การขนส่ง และท่าเรือหลัก เช่น ย่านบางนา-ตราด ลาดกระบัง และบางพลี
   • นิคมอุตสาหกรรม: พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกและการเชื่อมต่อกับระบบโลจิสติกส์ที่ดี
   • พื้นที่ตามแนวขนส่งใหม่ๆ: ทำเลที่อยู่ใกล้กับโครงการขนส่งขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า และโครงการมอเตอร์เวย์ใหม่ๆ ก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นสำหรับการตั้งโกดัง

3. ผู้เล่นหลักในตลาด:

   • บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศไทยมีส่วนในการพัฒนาโกดังให้เช่า รวมถึงผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะกลุ่ม
   • นอกจากนี้ยังมีบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยเพื่อพัฒนาและบริหารจัดการโกดังในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ท่าเรือและสนามบิน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทย

1. การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ:

   • การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยได้กระตุ้นความต้องการโกดังสำหรับจัดเก็บและกระจายสินค้าอย่างมาก โดยเฉพาะโกดังโลจิสติกส์ที่สามารถรองรับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

2. การลงทุนจากต่างประเทศ:

   • การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่โกดังเพื่อใช้ในการจัดเก็บและกระจายสินค้าก็เพิ่มขึ้นตามมา

3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน:

   • การขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ใหม่ สนามบินใหม่ และระบบราง ทำให้ทำเลที่ตั้งของโกดังมีความหลากหลายมากขึ้น และส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของพื้นที่เช่าโกดังในทำเลที่กำลังเติบโต

4. การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน:

   • การขยายตัวของอุตสาหกรรมและความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ส่งผลต่อการเลือกทำเลที่ตั้งของโกดัง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแรงงานที่มีคุณภาพได้อย่างง่ายดาย

แนวโน้มของตลาดการให้เช่าโกดังในอนาคต

1. การเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์:

   • อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการโกดังโลจิสติกส์และพื้นที่จัดเก็บสินค้ายังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งขนาดใหญ่

2. การพัฒนาโกดังอัจฉริยะ (Smart Warehouse):

   • การใช้เทคโนโลยีในการจัดการโกดัง เช่น ระบบอัตโนมัติและการใช้ Internet of Things (IoT) จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน ส่งผลให้โกดังอัจฉริยะจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต

3. การขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ:

   • การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซทั้งในประเทศและระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยเพิ่มความต้องการพื้นที่โกดังสำหรับการจัดเก็บและกระจายสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะในทำเลที่สามารถเข้าถึงตลาดได้รวดเร็ว

4. การเติบโตของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs):

   • การเพิ่มขึ้นของ SMEs ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการค้าขาย จะช่วยเพิ่มความต้องการพื้นที่โกดังให้เช่า โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการคมนาคมสะดวกและอยู่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบและแรงงาน

ตลาดการให้เช่าโกดังในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก ทั้งจากการพัฒนาภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ การเข้าใจแนวโน้มและปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ